ในวันนี้ทางทีมงานของเราจะพาเพื่อนๆไปชมแหล่งท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นแห่งกันบ้าง ซึ่งในครั้งนี้รีวิวสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้นั้นเป็นที่น่าสนใจอย่างมากในทุก ๆ ปี หมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดอาโอโมริ ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น จะสร้างสรรค์งานจิตรกรรม 3 มิติบนผืนนาที่เต็มไปด้วยรวงข้าวหลากสีสันโดดเด่น
หากมองจากระดับพื้นดินคงจะไม่เห็นอะไรมากมายนัก ทั้งยังคล้ายกับท้องนาที่พบในชนบทของญี่ปุ่นทั่วไป ประกอบไปด้วยหน่ออ่อนสีเขียว ๆ ปลิวไหวไปตามลมที่ทอดยาวจรดขอบฟ้า
แต่เมื่อมองจากที่สูงและทอดสายตาไกลออกไป พบว่าบางสิ่งเริ่มปรากฏขึ้นมา จากสิ่งที่เป็นเพียงหย่อมสีเขียวและสีน้ำตาลแดง กลายเป็นภาพรายละเอียดของ “ก็อดซิลลา” ตัวละครสัตว์ประหลาดชื่อดัง หากจะเก็บภาพทุ่งนาที่แผ่ขยายกว้างขวางขนาดนี้ด้วยกล้องเฟรมธรรมดา คงทำได้ไม่หมดในคราวเดียวแน่นอน
ภาพทุ่งนาสุดตระการตาดูราวกับว่า เจ้าก็อดซิลลาจะลุกขึ้นมาจากผืนนาและเข้าถล่มบ้านเรือนเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างไกลเพียงแค่ใต้เท้าของมัน เผลอ ๆ อาจใช้ฟันขย้ำมนุษย์ด้วยซ้ำ
มนต์เสน่ห์ของศิลปะบนท้องทุ่ง ทำให้ผู้คนจำนวนหลายแสนคนแห่แหนไปยัง “หมู่บ้านอินาคะดาเตะ” ในจังหวัดอาโอโมริ เพื่อที่จะได้ยลโฉมด้วยตาของตัวเอง
“ตัมโบะ อาร์ต” (Tanbo Art) ซึ่งแปลว่า ศิลปะบนนาข้าว ประกอบด้วยต้นข้าวนับพันจากการปลูกที่วางแผนอย่างดี จนเติบโตกลายเป็นงานศิลป์ 3 มิติที่มีชีวิต เรื่องราวของตัมโบะ อาร์ตเริ่มต้นเมื่อปี 2535 ตอนนั้น นายกเทศมนตรีหมู่บ้านอินาคะดาเตะได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่หมู่บ้านไปคิดกิจกรรมที่จะดึงดูดผู้คนมาเที่ยวหมู่บ้าน เพื่อฟื้นหมู่บ้านที่เศร้าหมองจากพิษเศรษฐกิจ
นายทาคาโตชิ อาซาริ จากกองวางแผนและการท่องเที่ยวของหมู่บ้านอินาคะดาเตะ อธิบายว่า ลูกจ้าง 1 คน ได้เห็นนาข้าวของโรงเรียนประถมที่เพาะปลูกข้าวสีเหลือง ม่วง และเขียวเป็นลายแถบ และคิดว่า อะไรจะเกิดขึ้นหากชาวบ้านปลูกข้าวทั้งผืนนาเป็นต้นข้าว 3 สีแล้วเขียนเป็นข้อความด้วย แต่ตอนนั้นยังไม่มีแนวคิดเรื่องศิลปะแต่อย่างใด
ส่วนเหตุที่ต้องใช้ข้าวนั้น นายฮิโรกิ ฟุคุชิ ไกด์นำเที่ยวท้องถิ่นบอกว่า หมู่บ้านนี้ไม่มีอะไรเลยนอกจากนาข้าว ชาวบ้านจึงสร้างผลงานศิลปะจากสิ่งที่มีอยู่
ในหมู่บ้านอันห่างไกลที่มีประชากรกว่า 8,000 คน การปลูกข้าวเป็นรากฐานสำคัญของชีวิตที่มีมานานราว 2,000 ปีแล้ว ส่วนดอกไม้ประจำหมู่บ้านอินาคะดาเตะ ยังเป็นดอกอิเนะโนะฮานะ หรือดอกข้าว อีกทั้งเพลงประจำหมู่บ้านยังกล่าวถึงดอกไม้ชนิดนี้อีกต่างหาก
ในปีแรก ชาวบ้านราว 100 คนช่วยกันปลูกข้าวในท้องนา ผลลัพธ์ที่ได้เป็นรูปเรขาคณิตง่าย ๆ ที่สื่อถึงภูเขาอิวากิ ซึ่งเป็นภูเขาที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคโทโฮกุ พร้อมคำว่า “หมู่บ้านวัฒนธรรมข้าวอินาคะดาเตะ” เป็นภาษาญี่ปุ่น แต่น้อยคนที่จะได้เห็น ชาวบ้านจึงตระหนักว่า จำเป็นต้องสร้างสรรค์บางสิ่งให้อลังการมากขึ้น
“ทุกปี เราแต่งเติมสีสันของต้นข้าวที่ใช้แล้ว และใช้เทคโนโลยีในการสร้างผลงานศิลปะให้สวยงามยิ่งขึ้น” นายอาซาริ กล่าว
ด้านนายอัตสึชิ ยามาโมโตะ ครูสอนศิลปะในหมู่บ้าน กำลังรับผิดชอบวาดแปลน บอกว่า คุณป้าของเขาทำงานในที่ทำการหมู่บ้าน ในปีเฮเซที่ 15 (ตรงกับปี พ.ศ. 2546) เคยมีการวางแผนทำภาพศิลปะโมนาลิซา แต่เป็นเรื่องที่ซับซ้อน ด้วยความที่ไม่แน่ใจว่าจะต้องความพยายามมากแค่ไหนที่จะสรรค์สร้างผืนนา เมื่อเทียบกับภาพภูเขาอิวากิที่ใช้เวลาวาด 10 ปี สมัชชาหมู่บ้านจึงต้องพึ่งพาความสามารถของเขา
ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่
เว็บไซต์หมู่บ้านอินาคะดาเตะ (ภาษาญี่ปุ่น) http://www.vill.inakadate.lg.jp
เว็บไซต์การท่องเที่ยวจังหวัดอาโอโมริ (ภาษาอังกฤษ) http://www.en-aomori.com/
การเดินทาง
จุดชมศิลปะบนนาข้าวใกล้ที่ทำการหมู่บ้าน : จากสถานี JR Hirosaki เดิน 1 นาที จะถึงสถานี Konan Railway Hirosaki (Konan Line) นั่งรถไฟ 25 นาที ลงที่สถานี Inakadate แล้วต่อแท็กซี่ 5 นาที จะถึง Inakadate-mura Observation Platform
จุดชมศิลปะบนนาข้าวใกล้สถานี Tamboato : จากสถานี JR Hirosaki เดิน 1 นาที จะถึงสถานี Konan Railway Hirosaki (Konan Line) นั่งรถไฟ 23 นาที แล้วลงที่สถานี Tamboato
หมายเหตุ มีบริการรถรับส่งในช่วงเดือนที่มีการแสดงทันโบะอาร์ต โดยรถจะวิ่งไปมาระหว่างระหว่างจุดชมศิลปะบนนาข้าวทั้งสองแห่ง คือระหว่างหอคอย Inakadate observation platform และหอคอย Yayoi no Sato observation platform
ข้อมูลจาก : http://www.bangkokbiznews.com
เรียบเรียง : HANG REVIEW