“รอยทางภูบักได วัดใจขาลุย”
สวัสดีครับวันนี้พวกเราจะพาเพื่อนไปท่องเที่ยวอีกหนึ่งทริปที่กำลังเป็นกระแสที่หลายคนอยากจะมาสัมผัสให้ได้ ด้วยความที่ “ภูบักได” ยังไม่ค่อยมีใครรู้จักเป็นวงกว้าง และเป็นสถานที่เปิดใหม่ธรรมชาติยังไม่บอบช้ำ มีจุดถ่ายภาพแบบ 360 องศา มาแล้วจะไม่เสียใจ การท่องเที่ยวแบบวิถีไทย วิถีชาวบ้าน มีการต้อนรับอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง
เล่าเรื่อง “ภูบักได ใครๆ ก็เที่ยว”
1. จุดเริ่มต้นของเส้นทางคือ นัดเพื่อนๆ เจอกันที่อำเภอภูเรือราวๆ 8 ครึ่งโมงเช้า ซื้อของรอสมาชิกให้ครบ เริ่มออกก็ประมาณ 9โมงครึ้ง เข้ามาถึงหมู่บ้านน้ำทบก็ราวๆ สัก 10 โมง ก็นั่งรถอีแต๊กมาทางเดินขึ้นเขา
2. ระหว่างทางที่นั่งรถมาช่วงหน้าฝนก็จะมีโคน ถ้าช่วงหน้าหนาวแล้วจะมีฝุ่น ผ้าปิดหน้าจะช่วยได้ดีเลยทีเดียว และจะได้เห็นไร่สวนของชาวบ้านตามข้างทาง กับภูเขาน้อยๆ รายรอบ เส้นทางค่อนข้างไม่อันตราย เส้นทางดีเดินทางสะดวกปลอดภัย
3. บริการ “รถอีแต๊กแอดเวนเจอร์” ก็มาถึงจุดที่เดินขึ้นไปบน “ภูบักได” ใช้เวลา 30 – 45 นาที มองเห็นยอดเขาอยู่ใกล้ๆ ตา
4. เอาเฉพาะสิ่งของที่จำเป็นขึ้นไป ไม่งั้นเหนื่อยเพราะแบกหนัก
5. เดินขึ้นเขาประมาณ 2 กิโลเมตร ใช้ระยะเวลาในการเดินเท้าประมาณ 2- 2.30 ชั่วโมงแล้วแต่จะเดินช้าหรือเดินเร็วตามกำลังผู้เดิน เส้นทางนี้ถือว่าอยู่ใกล้ที่สุดกว่าเส้นทางไหนๆ
6. ขึ้นมาถึงสันเขาเราก็จะเจอต้นไม้ลู่ลม โค้งตามทิศทางของลมทำหน้าที่เป็นซุ่มประตูรอต้อนรับนักท่องเที่ยวที่แวะเวียนมาเยือน ณ “ภูบักได”
7. นั่งพักกายระหว่างทางบนสันเขา เราก็จะได้เจอวิวทิวทัศน์ที่สวยงามเมื่อมองลงไปจะเห็นภูเขาน้อยใหญ่สลับซับซ้อน ป่าไม้ หมู่บ้าน และพืชสวนไร่นาของเกษตรกร
8. แวะทางรูปได้ตลอดระยะทางที่เดินไปถึงจุดกางเต็นท์ เพราะที่นี่วิวสวย 360 องศา
9. ใกล้ถึงจุดหมายแล้ว ตรงนี้นักท่องเที่ยวก็นิยมเก็บภาพความทรงจำไว้ เพราะมองไปหญ้าจะเขียวขจี กับมองเห็นเพื่อนๆ เดินเรียงแถวยาวขึ้นไปบนเนิน
10. แวะนั่งพักบนหิน จะเซลฟี่แบบนี้ก็มีความสุข อัพรูป Live หรือทำอะไรก็ได้ ข้างบนมีสัญญาณโทรศัพท์เกือบทุกค่าย แต่ตรงพื้นล่างมีสองเครือข่าย
11. เจอแล้ว!!! หินวัดใจที่ใครๆ ก็ต้องมาถ่ายรูปกับหินที่ยื่นออกมา จะกอด จะยืน จะนั่ง หรือกระโดด ตรงนี้ถือว่าเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของ “ภูบักได” ใครๆ ก็ต้องมาเที่ยว ใครๆ ก็ต้องมาถ่ายรูปกันที่นี่ เราไม่เฉลยแล้วกันว่ามันสูงแค่ไหนให้คุณมาสัมผัสเอง และมาวัดใจกันที่นี่
12. แสงแดดต้องพื้นล่าง ก็สวยงามไปอีกแบบ เห็นไร่นาน ที่เขียว-เหลือง โดนแสงพระอาทิตย์ยามเย็น มองเห็นหมู่บ้านน้ำทบ ที่เราขึ้นมาอยู่เบื้องหน้า มองไปทางขวามือก็จะเห็นภูเรือ มองไปทางซ้ายสุดก็จะเห็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง หรือเยื้องมาหน่อยก็จะเห็นเกษตรที่สูงภูเรือ
13. ใกล้ค่ำ เราก็จะได้แตะขอบฟ้าอย่างที่เค้าว่ากัน หรือจะจับพระอาทิตย์อัสดงดวงกลอมๆ ทีเส้นขอบฟ้า ดวงโตสีสวยแปลกตากว่าเพราะเราอยู่พื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 1,500 เมตร พร้อมกับลมหนาวที่พัดโชยมาต้องผิวกายรู้สึกถึงความหนาวกำลังจะมามาแล้ว
14. ตื่นเช้า เมื่อเราโพล่ออกมาจากเต็นท์ก็จะเจอหมอกขาว หนาวตา คิดว่าใครเอาฉากในละครสีขาวๆ มากั้น พร้อมๆ กับความเย็นยะเยือก สูดอากาศเข้าปอดให้เต็มพร้อมธรรมชาติบริสุทธิ์จริงๆ แต่ต้องบอกว่าข้างบนไม่มีห้องน้ำนะ
15. ข้าวเหนียวที่ขนมาแล้วทานไม่หมดในช่วงเย็น ตอนเช้าตื่นขึ้นมาก็หยิบมาปั้นทำ “ข้าวจี่” ทาไข่เหลือๆ หอมๆ หน่อยอร่อยมากเข้ากับอากาศหนาวๆ
16. สำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบการเดินทางแบบผจญภัยแปลกใหม่ไม่ซ้ำที่ไหน เดินทางแบบลุยๆ ใช้เวลาน้อย
การเดินทาง มายังบ้านน้ำทบ ต.ปลาบ่า อ.ภูเรือ จ.เลย
*รถยนต์ส่วนตัว มาจากทางจังหวัดเพชรบูรณ์ มาจากทางตัวจังหวัดเลย
มาจากอำเภอเชียงคาน
*รถทัวร์ จากกทม. มีบริษัทเพชรประเสริฐทัวร์ ลงที่ภูเรือ ค่าตั๋ว 350 บาท(ไปกลับ 700บาท) *เครื่องบิน มีเที่ยวบินจากสองสายการบินคือ นกแอร์ และไทยแอร์เอเชีย มีเที่ยวบินต่อวัน 8 เที่ยวต่อวัน ลงที่สบานบินจังหวัดเลย ราคาแล้วแต่ช่วงเวลา
จากตัวอำเภอภูเรือ – บ้านน้ำทบ 25 นาที
จากหมู่บ้านนั่งรถไปทางขึ้น 30 นาที เดินขึ้นเขา 1- 2 ชั่วโมงครึ่ง ขึ้นอยู่กับผู้เดินทางจะช้าหรือเร็ว
ติดต่อบริการ “รถอีแต๊กแอนเวนเจอร์ และคนนำเที่ยวจากทีมลูกภูบักได โทรสอบถามรายละเอียดได้ที่เบอร์ 086-4142669 จะมีทางทีมงานคอยให้ข้อมูล
CREDIT : ภูบักได ใครๆ ก็เที่ยว >> https://www.facebook.com/PhuBakDai
ขอบพระคุณมากนะครับสำหรับแหล่งท่องเที่ยวดีๆ ให้เพื่อน HANG REVIEW ได้อ่านอีกหนึ่งแห่ง
