เนื่องจากที่นี่มีทั้งน้ำตกเย็นและบ่อน้ำพุร้อน จึงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวอย่างมาก จากบริเวณบ่อน้ำพุร้อนทางอุทยานฯ ได้จัดเส้นทางเดินป่าไปยังน้ำตกแจ้ซ้อน ซึ่งเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดของอุทยานฯ ระยะทาง 3 กิโลเมตร หากเดินเลียบลำธารเหนือน้ำตกแจ้ซ้อนขึ้นไปจะพบกับน้ำตกแม่เปียก เป็นน้ำตกสวยที่เกิดจากลำห้วยเดียวกันด้วย นอกจากนี้ยังมีน้ำตกแม่มอญและน้ำตกแม่ขุน ที่เหมาะสำหรับการเดินป่า คุณสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่นำทางพาไปเที่ยวชมได้ด้วย
หากคุณเดินทางมาในช่วงฤดูหนาว สิ่งที่ไม่ควรพลาดคือ การขึ้นไปชมวิวที่จุดชมวิวดอยล้าน โดยสามารถพักแรมสัมผัสอากาศที่หนาวเย็นพร้อมกับรอชมทะเลหมอกในยามเช้าได้อย่างสวยงาม โดยเฉพาะช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ เป็นช่วงที่ดอกเสี้ยวบานสวยงามทั่วอุทยานฯ เป็นความงามประดับป่าที่มีให้ชมเพียงช่วงสองเดือนเท่านั้น หากคุณชอบการเที่ยวถ้ำที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ จซ.3 (ผางาม) ห่างจากที่ว่าการอำเภอวังเหนือประมาณ 8 กิโลเมตร เป็นถ้ำที่สามารถเข้าไปชมและศึกษาและท่องเที่ยวได้หลายถ้ำ เช่น ถ้ำผางาม หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ถ้ำหนานขัด ถ้ำน้ำ ถ้ำหม้อ ถ้ำลูกเกาะ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ จซ.3 อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 60 กิโลเมตร
และสิ่งที่ขาดไม่ได้เมื่อมาถึงอุทยานฯ นี้ คือการได้มาเที่ยวชมบ่อน้ำพุร้อนที่ได้ชื่อว่ามีทัศนียภาพที่สวยงาม โดยเฉพาะในช่วงเช้าที่ไอร้อนจากบ่อน้ำพุจะพวยพุ่งสวยงามคล้ายหมอกปกคลุมไปทั่วบริเวณ และการได้มาอาบน้ำแร่ร้อน ซึ่งสะดวกสบายด้วยห้องอาบแบบกลางแจ้งรวม และห้องอาบแบบส่วนตัว จำนวน 11 หลัง รวมถึงห้องแบบตักอาบแยกชาย-หญิง อีก 16 ห้อง การอาบน้ำแร่เป็นการบำบัดความเมื่อยล้าของร่างกายได้ดี ช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น และยังช่วย ในการรักษาโรคผิวหนังบางชนิดด้วย เช่น โรคกลาก เกลื้อน ผดผื่นคัน โดยน้ำแร่ทั้งหมดจะต่อตรงมาจากบ่อน้ำพุร้อน
การเดินทาง: จากตัวเมืองลำปางใช้ทางหลวงหมายเลข 1035 (ลำปาง-วังเหนือ) จนถึงบริเวณกิโลเมตรที่ 58 บริเวณปากทางเข้าอำเภอแจ้ห่ม ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1287 ผ่านอำเภอเมืองปาน จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 1252 (ข่วงกอม-ปางแฟน) ระยะทาง 11 กิโลเมตร จากนั้นจะมีทางแยกเข้าไปยังที่ทำการอุทยานฯ ระยะทางอีก 3 กิโลเมตร
ช่วงเวลาท่องเที่ยว: ตลอดปี
สิ่งอำนวยความสะดวก: บริเวณที่ทำการอุทยานฯ มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว บ้านพัก ห้องน้ำ และลานกางเต็นท์ไว้คอยบริการ นักท่องเที่ยวสามารถสั่งจองผ่านระบบออนไลน์ทางอินเตอร์เน็ตที่ www.dnp.go.th
ติดต่อ-สอบถาม: อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน โทรศัพท์ 089-851-3355, 054-380-000
โป่งเดือดป่าแป๋ อยู่ใน อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 40 กิโลเมตร เป็นน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ที่พุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน ในอดีตน้ำพุร้อนแห่งนี้เคยพุ่งสูงถึง 5 เมตรเชียวครับ แต่ปัจจุบันสูงไม่เกิน 1 เมตร รอบๆ บริเวณซึ่งเป็นป่าทึบจะอบอวลไปด้วยกลิ่นกำมะถัน บริเวณโดยรอบสะอาด และจัดนิทรรศการได้น่าสนใจ น้ำพุเกิดจากปริมาณน้ำใต้ดินที่ส่วนใหญ่ได้จากน้ำฝนที่ซับสู่ใต้ดิน หากดินมีความพรุนมาก ความพรุนของดินนี้เกิดจากต้นไม้
ทางเข้าเส้นทางศึกษาธรรมชาติโป่งเดือด ห้ามน้ำไข่ และอาหารเข้าไปบริเวณน้ำพุร้อน คิดว่าคงต้องการรักษาความสะอาดของพื้นที่ ลักษณะทางเดินเป็นสะพานไม้ยาวไปตลอดทาง ประมาณ 800 เมตร ก็เห็นน้ำพุร้อนเดือดปุดๆ มีไอน้ำพวยพุ่งจากพื้นดิน และมีกลิ่นกำมะถันที่บริเวณน้ำพุร้อน ลองเดินเข้าไปใกล้ๆ อุณหภูมิค่อนข้างร้อนมากครับ เห็นน้ำเดือดปุดๆ จากพื้นดิน ส่วนที่พุ่งขึ้นก็ค่อนข้างแรงแต่สูงไม่ถึงเมตร จากแผ่นป้ายให้ความรู้ บอกกับเราว่าน้ำพุร้อนโป่งเดือดเคยพุ่งสูงถึง 5 เมตร แต่ปัจจุบันพุ่งสูงได้ไม่เกิน 1 เมตรเท่านั้น เนื่องจากปริมาณน้ำใต้ดินมีจำนวนที่ลดลง น้ำส่วนใหญ่นั้นได้มาจากน้ำฝน น้ำฝนจะซึมลงดิน หากดินตรงนั้นมีความพรุนมากก็จะเก็บน้ำได้มากขึ้น ความพรุนของดินจะมีมาก หากบริเวณนั้นมีต้นไม้ และพื้นดินไม่ถูกเหยียบย่ำ
น้ำพุร้อนโป่งเดือด เป็นบ่อน้ำพุร้อนขนาดใหญ่แบบไกเซอร์ (Geyser) เกิดจากการที่น้ำใต้ผิวดินไหลผ่านทางช่องว่างที่มีความร้อนส่งผ่านขึ้นมาจากหินหลอมเหลวที่อยู่ลึกลงไปทำให้มีอุณหภูมิและแรงดันสูงมาก ซึ่งจะเดือดพุ่งขึ้นสูงจากผิวดินตลอดเวลา เกิดจากการสะสมของแก๊สในน้ำร้อน โดยการพุ่งขึ้นสูงสุดของน้ำจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่คงที่ อุณหภูมิน้ำใต้ดินประมาณ 170-200 องศา ส่วนอุณหภูมิของน้ำผิวดินประมาณ 90-100 องศา ออกจากเส้นทางศึกษาธรรมชาติ แวะพักผ่อนทานข้ามต้มที่ร้านอาหารภายในโป่งเดือด หรือจะอาบน้ำพุร้อนก็มีบริการเช่นกัน หรือจะแช่เท้าในน้ำพุร้อน ผ่อนคลายสบายอารมณ์ยามเช้าตรู่ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่น
การเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวน้ำพุร้อนโป่งเดือดป่าแป๋
การเดินทางไปเที่ยวที่นี่น้ำพุร้อนโป่งเดือดป่าแป๋ เดินทางไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1095 แม่มาลัย-ปาย เดินทางเริ่มต้นจากแยกตลาดแม่มาลัย อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เดินทางเข้าไปประมาณ 35 กิโลเมตร จะเห็นป้ายบอกทางอยู่ทางขวามือพร้อมป้ายบอก “น้ำพุร้อนโป่งเดือดป่าแป๋” เลี้ยวขวาเข้าไปอีกประมาณสัก 7 กิโลเมตร ก็จะเจอสถานที่ท่องเที่ยวน้ำพุร้อนโป่งเดือดป่าแป๋ จอดรถเดินเข้าไปยังบ่อน้ำพุร้อนโป่งเดือดป่าแป๋ซึ่งเป็ทางเดินไม่ไกลมากนักประมาณ 500 เมตรก็ถึงที่หมาย ติดต่อบ้านพักอุทยานได้โดยตรงที่เบอร์ 053-315209
บ่อน้ำพุร้อนหินดาด กาญจนบุรี
น้ำพร้อนหินดาด เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดกาญจนบุรี เป็นที่รู้จักกันดีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียนิยมแวะมาแช่น้ำที่นี่กันเป็นจำนวนมาก ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ไม่ควรพลาด เพราะบ่อน้ำร้อนทางธรรมชาติ มีแร่ธาตุ และช่วยบำบัดรักษาโรคต่างๆ ได้
น้ำพุร้อนหินดาด หรือน้ำพุร้อนกุยมั่ง ตั้งอยู่ที่บ้านกุยมั่ง ตำบลหินดาด อำเภอทองผาภูมิ ถูกค้นพบโดยทหารญี่ปุ่นที่คุมเชลยศึกมาสร้างรถไฟสายมรณะ ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นน้ำพุร้อนตามธรรมชาติ ที่มีตาน้ำอยู่ใต้ดิน มีน้ำไหลตลอดปี สร้างเป็นบ่อซีเมนต์ไว้เป็นบ่อแช่ มีด้วยกัน 3 บ่อ ที่มีความร้อนต่างระดับกันไป คือบ่อน้ำร้อนมาก ร้อนปานกลาง มีบ่อเล็กสำหรับเด็กที่น้ำไม่ร้อนมาก และยังมีบ่อสำหรับพระสงฆ์แยกอยู่ต่างหาก อุณหภูมิน้ำร้อนที่ผิวดินอยู่ในช่วง 40-100 องศาเซลเซียส อุณหภูมิน้ำบ่อแช่ประมาณ 45-55 องศาเซลเซียส เชื่อกันว่าการอาบน้ำแร่ แช่น้ำพุร้อน มีประโยชน์ต่อร่างกาย มีสรรพคุณในการรักษา และบรรเทาอาการของโรคต่างๆ ได้
– บรรเทาอาการปวดกระดูก ปวดกล้ามเนื้อ เหน็บชา ไขข้อ – ช่วยให้เลือดหมุนเวียนได้สะดวก ขยายหลอดเลือดทำให้ระบบเผาผลาญในร่างกายดีขึ้น – ช่วยในการแลกเปลี่ยนออกซิเจนและกลูโคสระหว่างเส้นเลือดฝอยและเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย – ช่วยขยายรูขุมขน ช่วยให้ขับสิ่งอุดตันใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณดูสดใส
– ช่วยผ่อนคลายทั้งร่างกาย และจิตใจ ทำให้รู้สึกกระชุ่มกระชวย เป็นการลดความเครียดได้อย่างหนึ่ง
บริเวณริมบ่อน้ำพุร้อนรายล้อมด้วยธรรมชาติ มีต้นไม้ร่มรื่น ติดกับบ่อน้ำร้อนมีลำธารน้ำเย็นอยู่ติดกัน คั้นด้วยทางเดินตรงกลาง ลำธารนี้ไหลในแนวขนานกับบ่อน้ำร้อน เป็นน้ำที่ไหลลงมาจากน้ำตกผาตาด หากใครที่ไม่ต้องการแช่น้ำร้อน ก็สามารถเล่นน้ำในลำธารได้ น้ำไม่ลึก เป็นน้ำไหล ไม่ถึงกับเชี่ยว ผู้ที่ไม่เล่นน้ำ ต้องการพักผ่อนคลายเส้น ก็มีจุดบริการนวดแผนโบราณ ทั้งนวดตัว และนวดฝ่าเท้า
ธารน้ำร้อนบ่อคลึง ราชบุรี
ธารน้ำร้อนเล็กๆ ที่ธรรมชาติให้มา ถือว่าเป็นธารน้ำร้อนที่ใกล้กรุงมากที่สุด อยู่ใน อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ขับรถจากกรุงเทพฯ มาประมาณ 2 ชม. ธารน้ำร้อนกำเนิดจากน้ำแร่ไหลซึมจากน้ำใต้ดินผ่านซอกหินจากเทือกเขาตะนาวศรี ไหลลงมาไม่ขาดสายตามลำธารเล็กๆ ผ่านก้อนหินกรวดทรายและป่าไม้เบญจพรรณ เป็นระยะทางประมาณ 150 เมตร ลงมายังบ่อน้ำร้อนด้านล่าง บ่อน้ำแร่ร้อนที่นี่มีบรรยากาศแบบไทยๆ อย่าคาดหวังถึงความสวยงามเหมือนออนเซนของญี่ปุ่น แต่ประโยชน์ที่ได้จากวารีบำบัดถือว่าคุ้มค่ากับการเดินทางมา
ธารน้ำร้อนบ่อคลึง เป็นของเอกชน ผู้ค้นพบ คือ นายประยูร โมนยะกุล ค้นพบเมื่อ ปี พ.ศ. 2468 ธารน้ำร้อนบ่อคลึง เป็นแหล่งน้ำที่มีอุณหภูมิสูงกว่าร่างกายมนุษย์ไหลขึ้นมาจากใต้ดิน น้ำที่ขึ้นมาจากต้นธารอุณหภูมิประมาณ 60 องศาเซลเซียส น้ำร้อนที่นี่ไม่มีกลิ่นฉุน ไม่มีแร่ธาตุที่ระคายเคือง ใสสะอาด ประกอบด้วยธาตุคาร์บอน เกลือและแร่ธาตุอื่นๆ น้อยกว่า 1 กรัม/ลิตร เป็นน้ำพุร้อนส่วนใหญ่ที่พบในประเทศไทย มีน้ำร้อนไหลตลอดทั้งปี แม้ในฤดูแล้งปริมาณน้ำไหลจะน้อยลงบ้างไม่ถึงกับแห้ง
ธารน้ำร้อนบ่อคลึง มีบ่อน้ำร้อนให้บริการลงแช่อยู่ 3 แบบ คือ 1. สระดิน และ 2. สระกระเบื้อง 3. ที่แช่เท้า(ฟรี)
1. สระดิน เป็นบ่อที่ธารน้ำร้อนไหลลงมา จำลองเหมือนบ่อธรรมชาติ พื้นที่เปิดโล่ง มีร่มเงาต้นไม้ น้ำสีฟ้าคล้ายน้ำทะเล แต่อาจไม่เป็นส่วนตัวเพราะเป็นที่โล่ง คนภายนอกมองเห็นได้ อุณหภูมิของน้ำอยู่ที่ประมาณ 40-50 องศาเซลเซียส
2. สระกระเบื้อง เป็นสระที่อยู่อีกฝั่ง เดินเข้าไปในสวนไม้ประดับ มีความเป็นส่วนตัว มีที่นั่งแช่ในน้ำได้บรรยากาศของการแช่น้ำแร่ร้อนมากขึ้น อุณหภูมิประมาณ 56 องศาเซลเซียส
3. ที่แช่เท้า (ไม่เสียค่าบริการ) มี 2 จุด) คือ 1.บ่อปูนสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็ก 2. ตรงปากท่อน้ำไหลซึ่งเป็นที่ปล่อยน้ำร้อนจากสระดินสู่สระน้ำขนาดใหญ่จะก่อปูนไว้สำหรับนั่งแช่เท้าได้
นอกจากนี้ยังขอแนะนำให้เดินออกกำลังกายอีกนิด เพื่อชมต้นธารน้ำร้อนและธรรมชาติข้างทางเดินไปประมาณ 150 เมตร จะเห็นลำธารน้ำแร่ร้อนตื้นๆ มีก้อนหินสวยงาม ในตอนเช้าหรือหากอากาศเย็นจะเห็นไอน้ำสวยงาม เป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตที่ไม่ควรพลาด ที่ตรงนี้ห้ามเอาเท้าแช่น้ำ เพราะต้นธารน้ำร้อนใช้เป็นน้ำอุปโภคสำหรับชาวบ้าน
ธารน้ำร้อนบ่อคลึง อาบน้ำแร่ร้อน วารีบำบัด บ้านพัก 27 หมู่7 บ่อคลึง ต.สวนผึ้ง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี
โทรศัพท์ : 089-9182114
เปิดบริการ : จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00 น. – 17.00 น. / เสาร์-อาทิตย์ เวลา 8.00 น. – 18.00 น.
วนอุทยานบ่อน้ำร้อนกันตัง
วนอุทยานบ่อน้ำร้อนกันตัง อยู่ในท้องที่บ้านควนแคง หมู่ที่ 7 ตำบลบ่อน้ำร้อน อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาหวาง ป่าควนแคง และป่าน้ำราบ มีเนื้อที่ประมาณ 500 ไร่ ซึ่งกรมป่าไม้ได้ประกาศจัดตั้งเป็นวนอุทยาน เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2549 ลักษณะภูมิประเทศ เป็นพื้นที่ราบเชิงเขา สภาพป่าเป็นดงดิบชื้นบางส่วนเป็นป่าพรุ มีน้ำท่วมขังตลอดปี และมีพื้นที่บางส่วนเป็นพรุน้ำร้อนมีน้ำไหลผุดจากใต้ดินตลอดเวลา
พืชพรรณและสัตว์ป่า มีสภาพป่าที่สมบูรณ์ปานกลาง พันธุ์ไม้ที่พบได้ แก่ ยาง ตะเคียน หว้า ชมพู่ป่า ทุ้งฟ้า ก่อ แดงควน กระโดน ตังหน หวาย หลุมพี ปาล์ม กล้วยไม้ สัตว์ป่าที่พบได้แก่ ชะมด ค้างแว่นถิ่นใต้ กระจง ไก่ป่า นกชนิดต่างๆ เต่า กบ เขียด งู
แหล่งท่องเที่ยวในเขตพื้นที่
1. บ่อน้ำร้อนควนแคง บริเวณพื้นที่พรุน้ำร้อน ได้พัฒนาปรับปรุงเป็นบ่อน้ำร้อน จำนวน 3 บ่อ มีอุณหภูมิของน้ำประมาณ 70 องศา / 40 องศา / 20 องศา ตามลำดับ ใช้ประโยชน์ด้านสันทนาการและเพื่อการท่องเที่ยว ซึ่งวนอุทยานได้เปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปได้แช่เท้าและอาบน้ำร้อนเพื่อสุขภาพ โดยมีห้องอาบน้ำและห้องแช่น้ำร้อนให้บริการเพื่อความเป็นส่วนตัว จำนวน 9 ห้อง บ่อแช่เท้ารวม 1 บ่อ บ่ออาบน้ำรวม 1 บ่อ
2. เส้นทางศึกษาธรรมชาติ บริเวณพื้นที่พรุน้ำร้อนและพื้นที่ป่าดงดิบได้พัฒนาปรับปรุงเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติพรรณไม้และสัตว์ป่า จำนวน 3 เส้นทาง ระยะทาง 500 เมตร 750 เมตร และ 2,000 เมตร ตามลำดับ ใช้ประโยชน์ด้านการศึกษาวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพ สันทนาการและการท่องเที่ยว
นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป ประสงค์จะใช้บริการอาบน้ำแร่เพื่อสุขภาพหรือเยี่ยมชมเส้นทางศึกษาธรรมชาติ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ วนอุทยานบ่อน้ำร้อน ตำบลบ่อน้ำร้อน อ.กันตัง จ.ตรัง โทรศัพท์ 082 2899211, 089 7246247
การเดินทางไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 403 (ตรัง-กันตัง) ถึงเทศบาลเมืองกันตัง ข้ามแพขนานยนต์ ไปบ้านท่าส้ม จากบ้านท่าส้มขับรถไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายไปอีกประมาณ 6 กิโลเมตร ถึงปากทางเข้าวนอุทยานบ่อน้ำร้อนกันตัง เลี้ยวขวาตามป้ายชี้ทาง 2 กิโลเมตรถึงที่ทำการวนอุทยานฯและบ่อน้ำร้อน